พระออกธุดงค์ผงะพบโครงกระดูกไดโนเสาร์อายุกว่า 200 ล้านปี
เมื่อวันที่ 13 ก.พ.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากคุณกิตติพัฒน์ ชัยราช รองเลขาธิการองค์กรพิทักษ์ความเป็นธรรม ว่ามีพระภิกษุออกธุดงค์ที่ บริเวณเทือกเขาภูผาน้อย บ้านห้วยทราย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เขตรอยต่อเทือกเขา อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี และ จ.หนองบัวลำภู และชาวบ้านได้นำโครงกระดูกที่พบมาเก็บรักษาไว้ที่สำนักสงฆ์ซำหมากไฟ บ้านห้วยทราย ต.หนองบัว อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบพบ พระอาจารย์ทองคำ สันตะกาโย เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ซำหมากไฟ ได้นำโครงกระดูกไดโนเสาร์ ออกมาให้ผู้สื่อข่าวชมและบันทึกภาพ และได้กล่าวว่าอาตมาได้เดินออกธุดงค์ประมาณปี 2562 ได้พบโครงกระดูกดังกล่าวอยู่บริเวณเทือกเขาภูผาน้อย อยู่ด้านบนและฝังอยู่ในดินเป็นจำนวนมาก ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้าน ประมาณ 1กิโลเมตร และต่อมา นายสมเจตน์ จงศุภวิศาลกิจ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมคณะ และเจ้าหน้าที่สำนักงานทรัพยากรธรณี เขต 2 กรมทรัพยากรธรณี ได้ออกมาสำรวจและแจ้งว่าชิ้นส่วนของกระดูกที่สงสัยว่าจะเป็นสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ ซึ่งในเบื้องต้นเป็นไดโนเสาร์ 3 ชนิด คือ ชนิดกินพืช ชนิดกินปลา และชนิดที่กินเนื้อเป็นอาหาร ตรวจสอบพบตัวอย่างซากดึกดำบรรพ์ในชั้นหินทรายเนื้อปนปูน ประมาณกว่า 200 ล้านปี ประกอบด้วย กระดูกไดโนเสาร์มีลักษณะคล้ายไดโนเสาร์กลุ่มซอโรพอด คอยาว หางยาว เดิน 4 ขา กินพืชเป็นอาหาร
ทางด้านคุณกิตติพัฒน์ ชัยราช รองเลขาธิการองค์กรพิทักษ์ความเป็นธรรม ได้กล่าวว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเขามาดำเนินการ โดยโครงกระดูกไดโนเสาร์ที่พบอายุกว่า 200 ล้านปี ให้คณะนักวิจัยได้นำกระดูกไปทำการวิจัย จนเวลาล่วงเลยมาเกือบ 3 ปี ยังไม่มีการเข้ามาพัฒนาใดๆ หากการวิจัยศึกษาเรียบร้อย น่าจะสร้างพิพิธภัณฑ์ เพื่อเก็บรักษาร่วมกันพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มาเที่ยวในเมืองรองบ้านเราบ้าง ที่มีสิ่งดีๆ อีกเยอะเหมาะกับการมาเที่ยวชม และเพื่อเป็นการศึกษาเรียนรู้ให้กับนักเรียนนักศึกษา และผู้ที่สนใจต่อไป