คืบหน้าคดีแอดมินเพจดังปลอมแปลงเอกสารใบรับรองการฉีดวัคซีนทำให้พี่น้องประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการบริหารวัคซีน  

คืบหน้าคดีแอดมินเพจดังปลอมแปลงเอกสารใบรับรองการฉีดวัคซีนทำให้พี่น้องประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการบริหารวัคซีนยอดการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดของ จ.หนองบัวลำภู ติดอันดับสุดท้ายของประเทศไทย

     เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สืบเนื่องเมื่อวันที่ 5 ส.ค.2564 นายเกรียงไกรไทยอ่อน อายุ 58 ที่อยู่ 74 ม.5 ต.กุดดู่ อ.โนนสัง จ.หนองบัวลำภู ได้เดินทางเข้ามาพบ พ.ต.ต.วิวิธชัย ไชยแพทย์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองหนองบัวลำภู แจ้งว่า เมื่อวันที่ 31ก.ค.2564 ขณะที่ผู้แจ้งอยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองหนองบัวลำภู ได้มีพลเมืองดีได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ทราบว่าเจ้าของเฟสบุ๊คคนนึ่ง ซึ่งเป็นแอดมินเพจดัง ได้โพสเฟสบุ๊คว่าตนเองได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19  เป็นเข็มที่ 3 แล้วทั้งๆที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ ทำให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู ได้รับความเสียหาย พี่น้องประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการบริหารวัคซีนป้องกันโควิด 19 จังหวัดหนองบัวลำภู เลยมีผู้มาฉีดวัคซีนต่ำกว่าที่รัฐบาลได้กำหนดไว้ เป็นอันดับสุดท้ายของประเทศไทย ถือว่าเป็นเรื่องเสียหายอย่างมาก เพราะช่วงนี้รัฐบาลได้สั่งเปิดประเทศ แต่จังหวัดหนองบัวลำภู ยังมีผู้ไม่กล้ามาฉีดวัคซีนตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในเบื้องต้นนายเกรียงไกร ไทยอ่อน ได้แจ้งความให้ดำเนินคดีแอดมินเพจคนดังในข้อ พรบ.คอมพิวเตอร์ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ และปลอมแปลงเอกสารของทางราชการ

 

        ทางด้านพ.ต.ต.วิวิธชัย ไชยแพทย์ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองหนองบัวลำภู ได้กล่าวว่า หลังปีใหม่นี้  ( ม.ค.2565 )จะได้รวบรวมพยานหลักฐาน  แจ้งผู้ถูกกล่าวหามารับทราบข้อกล่าวหา และส่งดำเนินคดีได้เพราะเป็นคดีที่อัตราโทษสูงต้องทำให้รัดกุม  ที่ล่าช้าเพราะพึ่งได้รับเอกสารสอบกลับจาก สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดหนองบัวลำภู โดยคดีนี้พี่น้องประชาชนทั้งจังหวัดหนองบัวลำภู และสื่อมวลชนให้ความสนใจ จะดำเนินการแบบตรงไปตรงมาให้เชื่อมั่นได้

          โดยเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2564 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงกรณีมีการรับทำเอกสารรับรองวัคซีนปลอมบนสื่อสังคมออนไลน์ ว่าในปัจจุบันซึ่งยังคงอยู่ในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แต่ทางรัฐบาลก็ได้มีมาตรการผ่อนคลายต่าง ๆ เพื่อเป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ก็ยังคงมีมาตรการต่าง ๆ ในการเดินทางหรือใช้บริการต่าง ๆ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ไม่ว่าจะเป็นการต้องมีการฉีดวัคซีน พาสปอร์ตเพื่อใช้ประกอบการเดินทางไปยังพื้นที่อื่น ๆ หรือการต้องมีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนหรือจะต้องมีผลตรวจ ATK เพื่อเข้ารับบริการต่าง ๆ แต่ก็ยังคงมีเหล่ามิจฉาชีพอาศัยช่องว่างดังกล่าวในการกระทำความผิด โดยการทำเอกสารรับรองปลอมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน ซึ่งได้มีการตรวจพบเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2564 ที่ผ่านมาและถูกวิพากวิจารณ์อย่างมากบนสื่อสังคมออนไลน์ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็อยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบหาตัวผู้กระทำความผิด เพื่อจะนำตัวมาดำเนินคดีตามกฏหมายต่อไป

โดยการกระทำในลักษณะดังกล่าวนั้นเป็นความผิดฐานปลอมเอกสารทั้งฉบับ ปลอมแปลงส่วนใดส่วนหนึ่ง แก้ไขข้อความจากเอกสารที่แท้จริงหรือแม้กระทั่งการประทับตราปลอม ลงลายมือชื่อปลอม มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นการปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000 – 100,000 บาท