รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองบัวลำภูลั่นดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกู้ภัยกร่างยกพวกนับสิบรุมกระทืบหลานชายคาบ้านพัก   

      

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสืบเนื่องได้รับแจ้งจากผู้ปกครองของชายวัยรุ่นอายุ 18 ปีว่า สืบเนื่องเมื่อคืนวันที่ 20 สิงหาคม 2564 เวลาประมาณ 20.00 น.ได้มีกลุ่มกู้ภัยได้บุกเข้ามาทำร้ายหลานชายตนเองถึงในบ้าน ที่บ้านเลขที่ 2 หมู่ที่ 3บ้านตำแย ตำบลโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู เป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้ 2 ชั้น พบคุณยายเพ็ญ สุนนท์ชัย อายุ 68 ปีได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ในวันเกิดเหตุตนเองได้นั่งอยู่ในบ้าน ส่วนหลานชายคือนายไทยภิพัฒ สุนนท์ชัย อายุ 18 ปี ซึ่งนั่งกินข้าวกับเพื่อนๆทั้งหมด 4 คน อยู่ที่บริเวณหน้าบ้าน ได้มีกลุ่มชายฉกรรจ์ประมาณ 10 คน ขับรถกู้ภัยเปิดไซเลนมา 3 คัน จอดปิดท้ายซอยและหน้าซอย ส่วนอีก 1 คันจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นชายฉกรรจ์ทั้งหมด ได้วิ่งเข้ามาในบ้านลงมือทำร้ายร่างกายหลานของตนเอง  และเพื่อนของหลานทั้งหมด 4 คน โดนตะลุมบอนรุมเตะต่อยจนล้มลุกคลุกคลาน  คุณยายเพ็ญ สุนนท์ชัย  กล่าวต่อว่าตนเองไม่รู้จะทำยังไง จึงร้องตะโกนบอกว่าให้หยุดอย่าทำร้ายหลานของตนเอง  แต่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดก็ยังไม่หยุดได้รุมเตะต่อย  ตนเองเข้าไปยืนกันไว้ก็โดนชายฉกรรจ์ชนจนล้ม และลากหลานชายตนเองกับเพื่อน 4 คนขึ้นรถกระบะโตโยต้า สีบรอนซ์ รุ่นไทเกอร์ มีตะแกรงคอกด้านหลัง หมายเลขทะเบียน บธ 691 หนองบัวลำภู

       และในวันนี้ทางด้านนายอุทัย อินทร์บุ รองนายกเทศมนตรีเมืองหนองบัวลำภู ได้เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่าหลังจากทราบเรื่องตนเองได้ไปดูอาการนายไทยภิพัฒ สุนนท์ชัย หรือน้องไทเกอร์ หลานชายและทราบถึงพฤติกรรมของกลุ่มกู้ภัย  ได้ก่อเหตุอุกอาจมากเพราะที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดหนองบัวลำภู ไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตนเองจะดำเนินคดีกับทุกคนที่เข้ามารุมทำร้ายหลานชายของตนเอง  โดยวันนี้ได้มีเป็นญาติของผู้ก่อเหตุได้เข้ามาหาที่บ้าน และขอให้ถอนแจ้งความโดยจะยอมชดใช้ค่าเสียหายให้  ตนเองได้บอกไปแล้วว่าอย่าเอาเงินมาฟาดหัวถ้าเป็นลูกหลานของคุณคุณจะมีความรู้สึกยังไง  น้องไทเกอร์หลานชายของตนเอง เป็นคนที่มีผลการเรียนดีเวลาว่างๆก็ออกไปหาต่อไฟฟ้าในหมู่บ้าน หารายได้พิเศษเป็นที่รักใคร่ของคนในหมู่บ้านไม่เคยมีประวัติในเรื่องไม่ดี  โดยผู้ปกครองของคู่กรณีได้เข้ามาพูดคุยว่ากลุ่มกู้ภัยคนที่ก่อเหตุตอนนี้  ได้หลบหนีลงไปที่กรุงเทพฯหมดแล้ว  ตนเองก็บอกว่าไม่เป็นไรจะแจ้งความดำเนินคดีให้ถึงที่สุดและออกหมายจับทิ้งไว้ เจอหน้าที่ไหนก็จับที่นั้น หนีได้ก็หนีไปจะมาใหญ่กว่ากฎหมายบ้านเมืองไม่ได้  เพราะบ้านเมืองมีขื่อมีแปอยู่ดีๆนึกจะทำร้ายผู้ใดก็ขึ้นรถตู้กู้ภัยเปิดไซเรนมารุมทำร้ายเขาถึงในบ้าน  อย่างนี้ถ้าไม่เป็นลูกหลานท่านท่านคงไม่รู้สึกหรอก โดยกลุ่มกู้ภัยกลุ่มนี้ ที่ทราบมาจะเป็นลูกน้องแอดมินเพจดัง ที่กำลังโดนชาวบ้านแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงประชาชน เปิดรับบริจาคเงินเข้าบัญชีตนเอง และ นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ พรบ.คอมพิวเตอร์ เรื่องอยู่ระหว่างดำเนินคดี และแอดมินเพจคนนี้ได้ยินมาชอบไปแอบอ้างว่ามีสามีเป็น เสธทหาร แต่จริงๆแล้วสามีเป็นนักดนตรี และตกงานอยู่ตอนนี้ และเปิดรับบริจาคเงินในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ว่าจะทำความดี และชอบแอบอ้างเบื้องสูงอีกด้วย ตนเองจะได้ปรึกษาผู้ใหญ่ในจังหวัดฯและจะดำเนินการต่อไปในส่วนของลูกพี่กู้ภัยกร่างกลุ่มนี้

        จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสัมภาษณ์นายเพชร ไชยแสง ซึ่งมีบ้านอยู่ติดกับบ้านที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่าได้ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายคลิปไว้ และมีกู้ภัยคนนึ่งซึ่งพูดสำเนียงคล้ายกับคนทางภาคตะวันออก ได้เดินเข้ามาพูดข่มขู่ตนเองว่าให้ลบคลิป แต่ตนเองตอบกลับไปว่าเด็กที่ถูกทำร้ายเป็นลูกของตนเอง และที่ทราบมากู้ภัยกลุ่มนี้ได้ทำกิจกรรมส่งคนกลับบ้านฟรี และมาส่งที่ จ.หนองบัวลำภู ตอนเกิดเหตุกู้ภัยกลุ่มนี้ใช้รถตู้ 2 คัน และรถกระบะ 1 คันเปิดไฟไซเลนเสียงดังลั่นวิ่งเข้ามาในซอย ซึ่งตอนที่ตนเองอยู่ในเหตุการณ์และมีฝ่ายกฎหมายเป็นนิติกรของสำนักงานเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู ยืนดูอยู่ในเหตุการณ์ด้วย และพร้อมที่จะไปเป็นพยานในศาลให้ จากนั้นตนเองจึงได้สอบถามโดยมีกู้ภัยได้โกหกว่าตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพูดคุยกับกลุ่มวัยรุ่นอยู่  ไม่ต้องเข้าไปพยายามกั้นตนเองไว้ ซึ่งกู้ภัยคนนี้ไม่ทราบว่าบ้านของตนเองอยู่ในซอยนี้ ชาวบ้านละแวกนั้นได้ยินเสียงจะเข้าไปดูว่าเกิดเหตุอะไรขึ้น  กลุ่มกู้ภัยได้บอกว่า ตำรวจกำลังทำงานและกั้นไว้ไม่ให้เข้าไป  จากนั้นตนเองจึงเดินเข้าไปที่บ้านซึ่งติดกัน กับบ้านที่เกิดเหตุจึงพบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 10 คนนี้ ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ตำรวจ  แต่กลายเป็นกำลังรุมทำร้ายชายทั้ง 4 คน อย่างโหดเหี้ยมทั้งเตะทั้งต่อยสลบลงไปนอนกลับพื้นแล้ว ยังไม่หยุดทำร้าย และอุ้มทั้ง 4 คน ขึ้นบนหลังรถกระบะและรุมทำร้ายบนรถต่อ และข่มขู่ว่ามีอาวุธปืน แต่พอทราบความจริงว่าคนที่ตนเองรุมทำร้าย ไม่ใช่คู่อริ จึงได้อุ้มทั้ง 4 คนลงจากรถยนต์ และรีบขับหลบหนี ข่าวคืบหน้าผู้สื่อข่าวจะรายงานให้ทราบต่อไป