ผู้ดูแลสวนธรรมชาวศรีวิไลขอความเป็นธรรมสื่อออนไลน์บางฉบับเขียนข่าวไม่เป็นความจริง  

      

เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เดินทางไปสังเกตการณ์ที่สวนธรรมชาวศรีวิไลหลังจากที่มีข่าวแชร์ในโลกออนไลน์ จากกรณีที่ นายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา (กุศล หมีเทศ) อดีต ส.ส.สุโขทัย ประกาศตนว่าเป็นพระกุศลศีลอริยเมตไตรย เป็นศาสดาองค์สุดท้ายจะมาช่วยให้ทุกคนบนโลกรอด จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมโซเชียลเป็นจำนวนมากนั้น

       ซึ่งในวันนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางสาวนิญาแก้วมณีโคฏ กุศลธัมมะกุล อยู่ที่ 195 ม.1 ต.โพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู เป็นผู้ดูแลสวนธรรมศรีวิไล โดยได้แจ้งว่าท่านพ่อ ชื่อจริงปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า นายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา ( อ่านว่า สี อาน วงศา ) หลังจากเสร็จพิธีประกาศตนในช่วงวันที่ 26 – 28 ก.พ.2564 ก็ได้เดินทางไปทำธุระที่กรุงเทพฯ โดยจะกลับมาที่สวนธรรมศรีวิไลจังหวัดหนองบัวลำภู ในวันที่ 30 มี.ค.2564 นี้ถ้าท่านผู้ใดอยากพบท่านพ่อก็สามารถมาพบได้ และมีลูกศิษย์ของตนเองได้ส่งลิงค์ข่าวออนไลน์สำนักหนึ่งมาให้โดยลงข่าวว่า  ทหารบุกตรวจสวนธรรมชาวศรีวิไล ผู้ว่าฯ สั่งห้ามจัดกิจกรรมซึ่งตนเองเห็นข่าวก็ตกใจเพราะภาพข่าวที่ปรากฏอยู่ในสื่อออนไลน์ฉบับนั้นเป็นเหตุการณ์ตั้งแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งมีพ.อ.ปริชญ์ สุคันธศรี รอง ผอ.รมน.จังหวัดหนองบัวลำภู ฝ่ายทหาร พร้อมด้วย จนท.ฝขว.กอ.รมน.จังหวัด น.ภ.ได้นำคณะทำงานลงพื้นที่ ณ สวนธรรมชาวศรีวิไล ต.หนองภัยศูนย์ อ.เมือง จ.หนองบัวลำภู โดยมีกำหนดจัดในวันที่ 26 - 28 ก.พ.2564 โดยได้บูรณาการหน่วยงานความมั่นคงที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ ตร.ภ.จว.น.ภ., ปกครอง จว.น.ภ., ตร.ภ.เมือง น.ภ., ตร.สันติบาล จว.น.ภ., สำนักงานพระพุทธศาสนา จว.น.ภ.,วัฒนธรรม จว.น.ภ., อบต.หนองภัยศูนย์,กำนัน/ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 1 ต.หนองภัยศูนย์,ชปข.กอ.รมน.ภาค 2  , มว.สห.มทบ.28  ผลการปฏิบัติเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

โดยก่อนจัดงานเราได้ทำหนังสือแจ้งไปขอทางหน่วยงานก็ให้ความร่วมมือส่ง อสม.มาช่วยจุดคัดกรองโควิด 19 ซึ่งเราก็จัดงานลุล่วงไปด้วยดี หลังจากนั้นมาเราก็ไม่ได้มีการจัดกิจกรรมอะไรอีกเลย  แต่สื่อบางฉบับพาดหัวข่าวน่าตกใจว่าวันที่ 15 มีนาคม 2564 มีทหารมาบุกที่สวนธรรมมะศรีวิไล  ซึ่งตรงนี้ไม่เป็นความจริงเพราะในวันนี้มีแต่ชาวบ้านใกล้เคียง 3-4 คนผ่านมาและได้แวะพูดคุยด้วยตามปกติ และไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดเข้ามา เขียนข่าวแบบนี้เหมือนสร้างความเกลียดชัง ความแตกแยกให้ชาวบ้านเข้าใจผิด  ตนเองจึงอยากให้ผู้อ่านข่าวได้รับรู้ความจริงอีกด้านหนึ่งซึ่งตรงนี้ทางเราก็ไม่ได้ทำผิดอะไรไม่มีการเปิดรับบริจาค ตู้รับบริจาคเราก็ไม่มี เพราะที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการทุนทรัพย์ของตนเอง ที่ดินก็เป็นที่ส่วนบุคคล จึงอยากขอความเป็นธรรมให้พวกเราด้วย ส่วนในเรื่องข้อกฎหมายจะได้ปรึกษาทีมกฎหมายเพื่อดำเนินการต่อไป