ฝ่ายปกครองหนองบัวลำภูรวบ 2 สามีภรรยาพร้อมยาบ้าและยาไอซ์ในสุ่มไก่ชนตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง
เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรายุทธ นามวิจิตร ป้องกันจังหวัดหนองบัวลำภู ,นายประสิทธิ์ มหาวงค์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดฯหัวหน้าชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมสมาชิก อส.ได้ร่วมกันจับกุมนายประยงค์ ฯอายุ 39 ปี และนางสาวธูป ฯอายุ 42 ปี อยู่ที่ ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
พร้อมด้วยของกลางเป็นยาบ้า 124 เม็ด และยาไอซ์ 0.89 กรัม ซุกซ่อนอยู่ถุงยาเส้นในกระเป๋าเป้สีดำ วางอยู่บนสุ่มไก่ชน พร้อมผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง สามารถจับกุมทั้ง 2 ได้ที่บ้านพักใน ตำบลหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู สืบเนื่องชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่านายประยงค์ ฯ อายุ 39 ปี และนางสาวธูป ฯ อายุ 42 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยา มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ชุดจับกุมได้ร่วมวางแผน และออกเดินทางไปยังบ้านเป้าหมาย พบนางสาวธูป ฯนอนอยู่ใต้ต้นไม้บริเวณหลังบ้านมีอาการตกใจ ให้การว่านายประยงค์ ฯสามีไปซื้อของที่ตลาด สักพักคงกลับมา ต่อมานายประยงค์ ฯ ได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า ซีบี 150 ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน มาจอดในบริเวณบ้าน เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองจึงได้แสดงตัวเข้าตรวจค้น โดยนายประยงค์ ฯ รับสารภาพว่าพึ่งเสพยาบ้ามา จำนวน 4 เม็ด ตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 1 ถุง 124 เม็ด และยาไอซ์ น้ำหนักพร้อมถุง 0.89 กรัม ซุกซ่อนอยู่ในถุงยาเส้นในกระเป๋าเป๋สีดำ วางอยู่บนสุ่มไก่ชนภายในบ้าน
โดยนายประยงค์ฯ ให้การรับสารภาพว่ายาบ้าและยาไอซ์ทั้งหมดเป็นของตนเองจริง ตนสั่งซื้อยาบ้าและยาไอซ์มาจากชาย ไม่ทราบชื่อ ซื้อยาบ้าจำนวน 1 ถุง (200 เม็ด) ในราคา 4,000 บาท ส่วนยาไอซ์ ซื้อมาจำนวน 1,000 บาท ซื้อมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 และนางสาวธูป ฯ ภรรยาไม่มีส่วนร่วม เพียงแต่ตนให้ร่วมเสพแค่นั้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่า เสพสารเสพติด และร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า ยาไอซ์) ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองหนองบัวลำภู ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
การจับกุมในครั้งนี้โดยการอำนวยการของ
นายสุรศักดิ์ อักษรกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู
รักษาราชการแทนผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู
ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เพื่อกิจการสื่อมวลชน เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”