ฝ่ายปกครองหนองบัวลำภูรวบชาย 30 ปีตรวจยึดยาบ้าอื้อรับสารภาพรับมาขายเม็ดละ 20 บาท
เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดปฎิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู นำโดย นายประสิทธิ์ มหาวงศ์ ผู้ช่วยป้องกันจังหวัดหนองบัวลำภู ,นายอนุชา ภู่เปี่ยมศักดิ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมเจ้าหน้าที่อาสารักษาดินแดน ( อส.)ได้ร่วมกันจับกุมนายธรรมนูญ ฯ อายุ 30 ปี อยู่ที่ ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู ตรวจยึดยาบ้า 2,750 เม็ด ,โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง พร้อมผลตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วง สามารถจับกุมได้ที่ ตำบลโนนขมิ้น อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู และขยายผลไปตรวจยึดยาบ้าเพิ่มเติมที่ ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอศรีบุญเรือง จังหวัดหนองบัวลำภู
สืบเนื่องชุดปฏิบัติการพิเศษฝ่ายปกครองจังหวัดหนองบัวลำภู และฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองหนองบัวลำภู รับแจ้งจากพี่น้องประชาชนว่า นายธรรมนูญฯ มีพฤติกรรมเสพยาเสพติด และจำหน่ายยาเสพติดให้แก่เยาวชนในพื้นที่ และมักจะจำหน่ายยาเสพติด อยู่ที่บริเวณหลังบ้านแห่งหนึ่งในตำบลโนนขมิ้น อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนและเข้าไปตรวจสอบพบนายธรรมนูญฯ ให้การยอมรับว่าพึ่งเสพยาบ้ามา 2 เม็ด ตรวจค้นพบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าสะพายข้าง จำนวน 4 ถุง รวม 750 เม็ด และยังให้การยอมรับว่า ที่บ้านในอำเภอศรีบุญเรือง มียาบ้าอีกจำนวน 1 มัด
เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหนองบัวลำภู จึงได้ขยายผลไปตรวจค้นที่บ้าน โดยมีบิดาและมารดาของนายธรรมนูญ ฯ ร่วมเป็นพยานในการตรวจค้น พบยาบ้าซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติกสีดำภายในบ้าน จำนวน 10 ถุง รวม 2,000 เม็ด นายธรรมนูญ ฯ ให้การยอมรับว่ายาเสพติดทั้งหมดเป็นของตนเอง โดยตนสั่งซื้อมาจากชายสัญชาติลาว เมื่อประมาณวันที่ 7 พ.ค.2567 จำนวน 3 มัด 30 ถุง ในราคามัดละ 32,000 บาท รวมเป็นเงิน 96,000 บาท และนำมาจำหน่ายในราคาถุงละ 4,000 บาท 200 เม็ด ตกเม็ดละ 20 บาท
จากนั้นจึงได้นำตัวมาทำบันทึกจับกุมที่ ที่ว่าการอำเภอเมืองหนองบัวลำภู และแจ้งข้อกล่าวหาว่า เสพสารเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า โดยผิดกฎหมาย ,มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ยาบ้า ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำส่งพนักงานสอบสวน สภ. เมืองหนองบัวลำภู ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ภาพ/ข่าวและเนื้อหานี้ เพื่อกิจการสื่อมวลชน เป็นการใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะ เพื่องานประชาสัมพันธ์ ไม่แสวงหาผลกำไรในทางการค้า. “ผู้ต้องหาหรือจำเลยยังเป็นผู้บริสุทธิ์ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุด”